การใช้ชีวิตอย่างสมดุล คือ การใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ไม่ตั้งเป้าหมายในชีวิตที่สูงจนเกินไป หรือต่ำจนเกินไป การเฉลี่ยเวลาในชีวิตออกไปอย่างเหมาะสมในการทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งเวลาที่ใช้ในการทำงาน เวลาที่ให้กับครอบครัว เวลาที่ใช้ในการพักผ่อน เวลาที่จะอุทิศตนเพื่อสังคม และเวลาที่ใช้ดูแลพัฒนาตนเอง
การดำเนินชีวิตเปรียบเหมือนการเดินทาง การเดินทางนี้ไม่ได้เดินด้วยรถ แต่เป็นการเดินเท้า ต้องอาศัยน้ำพักน้ำแรงของตัว การที่คนเราจะเดินไปถึงจุดหมายก็ต้องมีขาสองข้าง มีขาข้างเดียวก็ไปถึงลำบาก และขาทั้งสองข้างก็ต้องพอดีกัน ถ้าขาหนึ่งยาว ขาหนึ่งสั้น ก็ต้องเดินกะโผกกะเผลก ไปถึงเหมือนกันแต่ก็ลำบาก แต่บางคนอาจจะไปไม่ถึงเลย ขาสองข้างต้องพอดีกันเพื่อเราจะเดินไปได้อย่างมีสมดุล
ความสมดุลเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการดำเนินชีวิตเพื่อถึงจุดหมายปลายทาง ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จ ความสุข หรือจุดหมายที่สูงส่ง ถ้าหากชีวิตขาดความสมดุลก็ลำบาก ไปถึงจุดหมายปลายทางได้ยาก
ความสมดุลของชีวิตคืออะไร หมายถึงอะไร ความสมดุลของชีวิตมีหลายด้าน เช่นความสมดุลระหว่างกายกับใจ ถึงแม้ว่าจิตใจจะเข้มแข็ง แต่ถ้าร่างกายอ่อนแอ สุขภาพไม่อำนวยก็ลำบาก คนเจ็บป่วยหรือคนแก่บางคนกำลังใจดีแต่ร่างกายไม่อำนวย การนำพาชีวิตให้ถึงจุดหมายปลายทางที่ประสงค์จึงเป็นเรื่องยาก ร่างกายแข็งแรงแต่ว่าจิตใจอ่อนแอก็ไม่ต้องพูดถึง อาจจะหลงทิศหลงทาง อาจลงเอยด้วยการทำร้ายร่างกายตัวเองเพราะว่าหมกมุ่นกับอบายมุข ยาเสพติด เพราะจิตใจอ่อนแอ
นอกจากความสมดุลระหว่างกายกับใจแล้ว ยังมีความสมดุลอีกหลายคู่ที่เราต้องใส่ใจ เช่น ความสมดุลระหว่างงานส่วนรวมกับงานส่วนตัว บางคนมีความรับผิดชอบต่องานส่วนรวมเยอะ แต่ว่างานที่เป็นกิจส่วนตัวแม้กระทั่งการหลับการนอนกลับทำไม่พอ สุขภาพก็ย่ำแย่ บางคนทุ่มเทกับงานส่วนรวมมากจนกระทั่งไม่มีเวลาทำมาหากิน อย่างนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน แต่ถ้าทำแต่งานส่วนตัว ส่วนรวมไม่สนใจ ก็กลายเป็นคนเห็นแก่ตัวไป ยากที่จะประสบความสุขความเจริญได้ เพราะว่าใคร ๆ ก็ไม่อยากคบค้าสมาคมกับคนที่เห็นแก่ตัว หรือสนใจแต่เรื่องตัวเอง เรื่องส่วนรวมกับเรื่องส่วนตัวจึงต้องสมดุลกัน
การฝึกใจให้เข้มแข็งมีพลังก็สำคัญมาก การฝึกสมาธิภาวนาเป็นวิธีหนึ่งในการฝึกให้จิตใจมีความเข้มแข็ง อดทนต่อความเบื่อหน่าย แค่ตั้งใจนั่งสมาธิให้ได้ทุกวัน ก็มีอานิสงส์มาก ถึงแม้จะเบื่อก็ตาม แทนที่จะไปเล่น เที่ยว หรือกิน แต่ต้องมานั่งฝึกสมาธิให้ได้ครบตามกำหนดเวลา แม้แต่ ๕ นาทีก็มีคุณค่าและมีความหมาย อย่าไปประมาท เพียงแค่ ๕ นาที ถ้าทำเป็นประจำก็ทำให้จิตมีกำลังมาก
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ แห่งวัดสะแก อยุธยา ท่านเป็นเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมาก คราวหนึ่งมีชายหนุ่ม ๒ คน มากราบท่าน คนหนึ่งเป็นลูกศิษย์ท่าน ชวนเพื่อนให้รักษาศีลและนั่งสมาธิต่อหน้าหลวงปู่ดู่ เพื่อนก็ปฏิเสธบอกว่า เขาถือศีล ๕ ไม่ได้เพราะยังกินเหล้าอยู่ หลวงปู่ก็เลยพูดกับเขาว่า แกจะกินเหล้าก็กินไป แต่ว่าทำสมาธิให้ได้ไหม แค่ ๕ นาทีก็พอ ชายคนนั้นเห็นว่า ๕ นาทีไม่ได้มากอะไร ก็เลยรับปากหลวงปู่ดู่ เนื่องจากเขาเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ดังนั้นเขาจึงนั่งสมาธิทุกวันวันละ ๕ นาทีตามที่รับปากไว้ นั่งเสร็จก็ไปกินเหล้า แต่บางวันเพื่อนชวนมากินเหล้าตอนที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ ก็ปฏิเสธไป ปรากฏว่าทำไป ๆ เขาก็เลิกเหล้าได้เอง คงเพราะนั่งสมาธิทุกวัน ทำให้จิตใจมีกำลัง ไม่คล้อยตามกิเลสง่าย ๆ นอกจากหักห้ามใจได้แล้ว สมาธิยังช่วยให้เขามีความสุข เป็นความสุขที่ประเสริฐกว่าการกินเหล้าเยอะ
ชายคนนี้นอกจากเลิกเหล้าไดแล้ว ตอนหลังก็เกิดศรัทธา ถึงกับบวชพระและอยู่ในสมณเพศต่อเนื่องหลายปี พูดได้ว่าชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงเพราะว่าทำสมาธิแค่วันละ ๕ นาที
สิ่งเล็กน้อย หากเป็นสิ่งที่ดี ถ้าเราทำบ่อย ๆ จะมีอานิสงส์มาก ทำให้จิตมีกำลัง เมื่อจิตมีกำลังก็สามารถขับเคลื่อนชีวิตของเราสู่ความเจริญงอกงามตามที่ตั้งใจไว้
วารสารสุขศาลา ปีที่ ๖ ฉบับที่ ๒๓
สร้างสมดุลชีวิต
พระไพศาล วิสาโล